
เมื่อคุณเปิด Facebook, Instagram, Twitter หรือแอพอื่นๆ แต่แล้วก็ยังกลับมาดูเฟสบุ๊คอีกครั้ง ทั้งๆที่ต้องการเพียงแค่จะเปิดอีเมล์เท่านั้น แต่ทำไมถึงวางมือถือลงไม่ได้ง่ายๆ หรือว่าคุณ กำลังเสพติดสมาร์ทโฟนไปเสียแล้ว เคยลองเช็ค Screen Time ดูหรือไม่ว่า ใช้เวลาไปกับมือถือวันละกี่ชั่วโมง และถ้าหากคุณ ต้องการที่จะลดการใช้งานลง นี่อาจเป็นวิธีที่จะช่วยคุณได้
- ปิดการแจ้งเตือนของแอพพลิเคชั่น คุณคงอดใจไว้ไม่อยู่แน่ๆ เมื่อเห็นวงกลมเล็กๆสีแดงๆที่หน้าจอมือถือ หรือการแจ้งเตือนต่างๆบนสมาร์ทโฟนขณะที่ไม่ได้ต้องการใช้งาน นี่ก็คือสาเหตุหนึ่งที่คุณต้องหยิบมือถือขึ้นมาเปิด และคุณคงอยู่เฉยไม่ได้ ถ้ามีตัวแดงๆอยู่บนไอคอนเฟสบุ๊ค,อีเมล์ หรือเมสเซนเจอร์ เราแนะนำให้คุณตั้งค่าปิดการแจ้งเตือนไปเลยดีกว่าไม๊ มันอาจช่วยคุณได้นะ
- ปิด Auto Play คุณสามารถปิดการเล่นคลิปหรือวิดีโอแบบอัตโนมัตบนแอพ เช่น เฟสบุ๊คหรือยูทูปได้ เพราะมันทำให้เราหยุดดูและปล่อยให้คลิปเล่นต่อไปอย่างต่อเนื่อง เพลิดเพลินกันอย่างไม่จบสิ้น จนวางมือถือไม่ลงกันเลยทีเดียว ตั้งค่าปิดมันไปเลยครับ
- อย่าพามันไปห้องน้ำ เรื่องนี้หลายคนคงรู้ดีว่า ไม่เคยพลาดที่จะพามือถือไปห้องน้ำเพื่อทำธุระด้วยทุกครั้ง ช่วงเวลาสั้นๆเพียงไม่กี่นาทีนี้ จะกลายเป็นช่วงเวลาที่ยาวนานออกไปโดยไม่รู้ตัว และแถมยังเป็นผลเสียต่อสุขภาพอีกด้วย ได้โปรดใจแข็งวางมันไว้ อย่าถือติดตัวไปด้วย
- กำหนดตารางเวลา อันที่จริงแล้วคุณไม่มีวันที่จะรู้ว่าจะมีคนกดไลค์, คอมเมนท์หรือแชร์โพสต์ของคุณออกไปเมื่อใด หรือมีอีเมล์เข้ามาตอนไหน เพราะฉะนั้นคุณไม่จำเป็นต้องเปิดเช็คตลอดเวลา เพราะนั่นไม่ใช่ข้ออ้าง คุณอาจกำหนดช่วงเวลาที่จะเปิดเช็คแอพพลิเคชันเหล่านี้ว่า ต้องการจะเปิดช่วงเวลาใดในแต่ละวัน หรือว่าจะลบแอพอย่างเฟสบุ๊คหรืออื่นๆออกจากหน้าจอไปเลยในช่วงที่คุณกำหนดไว้ ก็คงไม่ผิดกติกาแต่อย่างใด
- ใช้นาฬิกาปลุกแบบดั้งเดิม ทุกวันนี้พวกเราใช้อะไรปลุกให้ตื่นในตอนเช้า เดาได้เลยว่าเป็นมือถือของคุณนั่นเอง และนี่ก็เป็นอีกสาเหตุที่คุณ จำเป็นต้องหยิบมันขึ้นมาตั้งแต่ตื่นนอน และบางครั้งก็คงไม่ใช่เพียงแค่ปิดเสียงปลุกเท่านั้น เพราะอาจตามมาด้วยการเช็คเฟสบุ๊ค อินสตราแกรม หรืออื่นๆ แทนที่จะเริ่มต้นวันใหม่ด้วยการพูดคุย หรือทักทายกันในตอนเช้ากับคนที่นอนอยู่ข้างตัว
จากการศึกษาและวิจัยพบว่า การใช้มือถือมากกว่า 5 ชั่วโมงต่อวันหรือมากกว่านั้น สามารถเพิ่มอัตราเสี่ยงการเป็นโรคอ้วนมากถึง 43%
อย่างที่กล่าวมาแล้วข้างต้นว่า มือถือหรือสมาร์ทโฟนได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปเรียบร้อยแล้ว มือถือได้กลายเป็นแหล่งบันเทิงหลักของคนหนุ่มสาวในยุคนี้ ทำให้การใช้เวลาในกิจกรรมอื่นๆที่มีประโยชน์กับร่างกายนั้นลดลงไปเรื่อยๆ เช่นการออกกำลังกาย การนอน หรือแม้กระทั่งการเดิน รวมถึงการพบปะพูดคุยกัน
- ผลการศึกษาล่าสุดจากการประชุม ACC Latin America 2019 พบอัตราเสี่ยงการเกิดโรคอ้วนเพิ่มขึ้นถึง 43% จากการใช้สมาร์ทโฟนเป็นเวลานาน
- จากกลุ่มตัวอย่างของนักศึกษาคณะวิทยาศาสตร์สุขภาพ 1,060 คน ที่มหาวิทยาลัย SimónBolívar ประเทศโคลอมเบีย ประกอบด้วยผู้หญิง 700 คนและชาย 360 คน อายุระหว่าง 19-20 ปี
- เหตุผลง่ายๆจากการอยู่นิ่งๆเป็นเวลานาน ซึ่งยังทำให้มีแนวโน้มของการดื่มเครื่องดื่มที่มีน้ำตาล อีกทั้งการเลือกกินอาหารจานด่วนและขนมขบเคี้ยวที่มากขึ้น
ก็ไม่ได้เกินความคาดหมายแต่อย่างใด ในเรื่องของโรคอ้วน ที่มีโอกาสจะตามมาพร้อมๆกับการใช้ชีวิตอยู่กับมือถือเป็นเวลานานๆในแต่ละวัน ซึ่งยังเป็นสาเหตุของโรคหัวใจและหลอดเลือดอีกด้วย
ถึงเวลาแล้วที่เราต้องร่วมกันลดเวลาการใช้มือถือลงบ้าง ด้วยการกำหนดและเรียงลำดับเรื่องที่สำคัญเพื่อหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมา ลองแบ่งแยกเวลาทำงาน เวลาบันเทิง เวลาสนุกกับเพื่อนๆ เวลามื้ออาหาร และที่สำคัญคือ เวลาที่ให้กับคนที่อยู่ข้างตัว ไม่ว่าจะเป็นพ่อ ,แม่ ,สามี,ภรรยา หรือลูกๆ
ข้อมูลที่ Marketingoops ได้รวบรวมจาก We are Social และ Hootsuite เผยว่า
คนไทย ใช้เวลาบนโลกออนไลน์ กว่า 9 ชั่วโมงต่อวัน (ในทุกอุปกรณ์)
ลองคิดดู คุณจะเหลือเวลาในการใช้ชีวิตประจำวัน เพื่อตัวคุณเองและคนที่คุณรักอีกซักเท่าไหร่ .