Life ชีวิตคู่ ไม่เคยง่าย อยู่อย่างไร ไม่เลิกกัน By Ch. Songwut - January 3, 2021 0 3724 Facebook Twitter Pinterest WhatsApp หลายคู่ก่อนแต่งงาน รักกันจนแทบจะยอมตายแทนกันได้ หลายคู่ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้อยู่ด้วยกัน แม้จะเป็นสิ่งที่ผิด หลายคู่พร้อมเป็นหนี้ก้อนโต เพื่อการแต่งงานกับคนที่รัก หลายคู่ขยันหมั่นเพียรทำมาหากินอย่างยากลำบาก ก็เพื่อคนที่รัก แต่… เมื่อได้สมหวัง แต่งงานหรืออยู่ด้วยกัน กลับมีความสุขได้ไม่นานอย่างที่คิด หลายคู่เลิกรากันไป หลายคู่จำทนอยู่กันต่อไปแบบไร้ความรักเช่นดังเดิม ทำไม…? ก่อนอื่นต้องขอบอกว่าการใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเลย หลายคนคิดว่าเรารักกันมากมีอะไรก็ต้องเข้าอกเข้าใจกัน ต้องพูดคุยกัน ยอมได้ก็ต้องยอมให้กัน และอีกมากมาย ซึ่งมันก็ไม่ผิดครับ แต่เรื่องที่กล่าวมาแล้วนั้น เป็นเพียงเรื่องพื้นฐานมากๆที่คู่รักส่วนใหญ่คิดและพูดกันไปอย่างนั้นเอง ว่าสามารถแก้ปัญหาได้ แต่ก็ได้แต่คิดล่ะครับทำกันไม่ค่อยจะได้ เพราะความอดทนไม่เพียงพอ แล้วอะไรคือต้นตอของปัญหา จนทำให้ต้องเกิดภาวะจำทนหรือเลิกรากันไป 1.ระยะเวลาที่ใช้ชีวิตร่วมกัน อาการเบื่อจากระยะเวลาที่อยู่ด้วยกัน พอเริ่มนานขึ้น เห็นกันบ่อยขึ้น บางคู่ทำงานออนไลน์ที่บ้าน เห็นกันแทบจะ24ชั่วโมง บางคู่ต่างคนต่างออกจากบ้านไปทำงาน กว่าจะได้เจอกันก็มื้อเย็น หรือตอนเปิดประตูห้องนอนเท่านั้น แต่ก็ยังรู้สึกเบื่อและจำเจ ทำไม? ทั้งๆที่ก่อนแต่งหรือก่อนอยู่ด้วยกัน รู้สึกอยากเห็นหน้ากันตลอดเวลา เฟสไทม์ก็ยังดี ไลน์ก็ยังเป็นวิดีโอ มันชื่นใจจริงๆ 1.1 สำหรับคู่ที่ทั้งสองคนทำงานออนไลน์จากที่บ้าน ต้องอยู่ด้วยกันตลอดอยู่แล้ว แต่เรื่องแบบนี้คงเอามาเป็นข้ออ้างไม่ได้ น่าจะดีใจซะด้วยซ้ำ ว่าได้มีโอกาสเห็นหน้ากันทั้งวันทั้งคืน แต่คนมันจะเบื่อ อะไรก็ห้ามไว้ไม่อยู่ แน่นอนมันคือธรรมดาในโลกแห่งความเป็นจริงที่ว่า เวลาอยู่กับอะไรเดิมๆเป็นเวลานาน ความเบื่อหน่ายก็มักจะเกิดขึ้นไม่ช้าก็เร็ว แต่ทำไมหลายคู่ถึงยังประคับประคองครอบครัวให้เดินต่อไปได้อย่างมีความสุข เหตุก็เพราะพวกเค้าหมั่นเติมความรักให้แก่กันนั่นเอง มีหลากหลายวิธีที่คุณเองสามารถทำได้ อาทิเช่น แบ่งเวลาการทำงาน ของทั้งคุณและเค้าให้สามารถมีเวลาว่างจากการทำงาน โดยการกำหนดเป้าหมายของแต่ละวันแล้วทำให้สำเร็จตามเป้า แต่ไม่ต้องไปกำหนดเวลาการทำงานให้เหมือนกับอยู่ที่บริษัท ว่าต้องเริ่มตอนนั้นหรือเลิกตอนนี้ แต่พยายามปรับให้เข้ากับการใช้ชีวิตภายในบ้าน มีเวลาพูดคุย ดูทีวี เล่นโซเชียล แชทกับเพื่อนๆ ออกไปกินข้าวนอกบ้าน รดน้ำต้นไม้ ดูแลหมาแมวกันควบคู่ไปกับการทำงาน ซึ่งที่กล่าวมาข้างต้นเป็นหลักการทำงานที่บ้านเพื่อเสริมสร้างชีวิตคู่ที่ดี ส่วนหลักการทำงานที่บ้านหรือ Work From Home จริงๆ หรือที่เป็นผลกระทบจากการระบาดของ Covid-19 นั้นต่างกันอย่างสิ้นเชิง.พยายามหัดเป็นพ่อบ้านแม่บ้านที่ดี บางคนบอกว่าก็ทำอยู่แล้วนี่ เราต่างก็รู้ความหมายและหน้าที่ของกันและกันเป็นอย่างดี แต่ก็ยังเบื่อแล้วก็ไม่ได้รู้สึกรักกันมากมายเหมือนตอนแรกๆ ความจริงที่ต้องทำใจยอมรับเสียก่อนคือ การอยู่ร่วมกันในฐานะสามีภรรยานั้น ไม่สามารถแบ่งแยกความเป็นพ่อบ้านหรือแม่บ้านได้อย่างชัดเจน หากต้องการอยู่ร่วมกันแบบมีความสุขและทุกข์น้อยที่สุด เพราะการเป็นพ่อบ้านแม่บ้านที่ดีนั้น คือการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน สิ่งใดที่ทำให้กันได้ จงรีบทำ เช่นการเข้าครัวทำอาหาร ปัจจุบันฝ่ายชายก็สามารถทำได้ดี หรือถ้าไม่ชอบ ไม่อยากทำ ลองเข้าไปช่วยเป็นลูกมือของคุณภรรยาก็ได้ หรืออย่างน้อยถ้าไม่ไหวจริงๆ ขอให้ตัวคุณอยู่ในครัวหรืออยู่ในระยะที่มองเห็นกัน คุยด้วยได้ อาจเปิดเพลงที่คุณหรือภรรยาชอบ จะนั่งเล่นไอแพดหรือโทรศัพท์ไปด้วยก็ผิดกติกา ขอให้คุณอยู่ในพื้นที่เดียวกันกับเธอ อาจไม่ต้องถึงกับตลอดเวลา แต่อย่างน้อย อย่าทำให้เธอต้องเหมือนแม่ครัวที่กำลังรับออเดอร์จากลูกค้า ก็คือคุณเองที่นั่งรอรับประทานอยู่ที่โต๊ะอาหารหรือนั่งแชทกับเพื่อนอยู่ที่ห้องรับแขก ส่วนฝ่ายหญิง อาจถึงเวลาที่จะต้องยอมรับความจริงที่ว่า สามีของคุณไม่ใช่คนที่จะเก็บกวาดโต๊ะและล้างจานชามกองโตได้ดี ถึงแม้ว่าเค้าอาจช่วยคุณได้ในบางครั้งบางคราว แต่พวกเค้าไม่ใช่นักล้างจานชามหรือเก็บกวาดที่ดีอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นจงอย่าใช้ให้สามีคุณเป็นคนรับผิดชอบงานนี้โดยเด็ดขาด รับรองคุณทั้งคู่จะมีความสุขมากขึ้นอย่างแน่นอน ส่วนคุณสามีที่ดีทั้งหลาย ก็อย่าลืมว่าบางครั้งคุณก็ควรแสดงตัวเข้ามาช่วยงานแบบนี้บ้าง จะทำให้ภรรยาของคุณรู้สึกชื่นใจและรักคุณมากขึ้นอย่างไม่รู้ตัว 1.2 สำหรับคู่ที่ต่างคนต่างทำงานนอกบ้าน (สมมุติว่ามีวันหยุดเสาร์อาทิตย์เหมือนๆกัน) เพราะฉะนั้นก็จะได้เจอกันและอยู่ร่วมกันในช่วงเย็นหลังเลิกงานจนถึงช่วงเช้าก่อนออกจากบ้าน และวันหยุดสุดสัปดาห์เท่านั้น ดูแล้วคล้ายกับว่าไม่น่าจะเบื่อกันเร็ว แต่เรื่องแบบนี้ก็ห้ามกันไม่ได้ เพราะหากว่าทั้งคู่ไม่พยายามรักษาและเพิ่มเติมความรักให้กันอยู่ตลอดเวลา สุดท้ายวันเวลาที่อยู่ด้วยกันเป็นประจำก็จะกลายเป็นความจำเจได้ไม่ยาก เรื่องแบบนี้มันมีสาเหตุและวิธีแก้ไขครับ สำหรับฝ่ายชาย ข้อที่สำคัญที่สุดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็คือ งานเลี้ยงสังสรรค์และการออกไปหาที่กินดื่มกับเพื่อนในยามค่ำคืน ระยะหลังมานี่ก็จะมีการนัดเตะฟุตบอลอ้างว่าเพื่อออกกำลังกาย และก็อีกมากมายสาธยายไม่หมด จริงไม๊ครับท่าน (เพิ่มเติม..) คุณผู้ชายซึ่งตอนนี้ก็ได้กลายร่างเป็นคุณสามีอย่างเต็มตัวแล้ว มีความจำเป็นต้องลด ละ เลิก ความต้องการในบางสิ่งที่มีความจำเป็นน้อยออกไป อย่างเช่นงานเลี้ยงแผนก หรือบริษัท ฯลฯ ต้องพยายามชั่งใจถึงความจำเป็นและสิ่งที่จะตามมาถ้าไม่ได้ไป ซึ่งก็เชื่อได้ว่าคงต้องมีบางนัดที่ไม่ไปไม่ได้ แต่ก็ควรรีบกลับจะดีที่สุด ไม่ใช่อยู่ยาว ไปไหนไปกัน เช่นเดียวกับการนัดเพื่อนออกไปกินดื่มสังสรรค์กันยามค่ำคืน แบบนี้บ่อยๆคงรู้ดีว่ากลับบ้านหรือกลับห้องแล้วจะต้องพบเจอกับอะไรบ้าง คุณควรต้องรู้ว่าเรากำลังทิ้งภรรยาไว้ที่บ้านหรือที่ห้องคนเดียวตลอดทั้งคืน หากภรรยาไปงานบริษัทหรือสังสรรค์กับเพื่อนแล้วทิ้งให้คุณอยู่บ้านบ้าง จะรู้สึกอย่างไร อันที่จริงแล้วภรรยาส่วนใหญ่ก็พยายามเข้าใจเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว แต่คุณสามีเองก็ต้องรู้ว่าความพอดีแปลว่าอะไร เท่าไหร่จึงจะเหมาะกับครอบครัว ซึ่งแต่ละครอบครัวมันก็ไม่เท่ากันหรอกนะครับ ลองศึกษากันให้ดี ข้ออ้างการออกกำลังกาย อาทิเช่น เตะบอลกับเพื่อน เป็นที่น่าอันตรายและน่าหวาดระแวงเป็นอย่างยิ่งโดยเฉพาะกับบรรดาภรรยาสมัยนี้ ด้วยเหตุที่ปัจจุบัน สนามบอลไม่ใช่ที่สำหรับออกกำลังกายเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป แต่มักแฝงไปด้วยการกินดื่มพร้อมสาวๆกองเชียร์และกองอื่นๆที่หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่รู้กันดี สุดท้ายก็กลายเป็นข้ออ้างเอาเวลาไปกินดื่มเที่ยวกับเพื่อนๆอยู่ดี ส่วนฝ่ายหญิงก็มีความจำเป็นเช่นกันที่จะต้องใช้เวลาที่มีอยู่น้อยนิดในการอยู่ร่วมกันให้เกิดประโยชน์กับชีวิตคู่ให้มากที่สุด และแน่นอนว่าสิ่งแรกที่คล้ายกันก็คือ ต้องลดงานเลี้ยงสังสรรค์และการนัดเที่ยวกับเพื่อนๆลงให้น้อยลง คุณจำต้องยอมรับความเป็นจริงและความต่างระหว่างชายหญิงในการใช้ชีวิตคู่ โดยเฉพาะการสังสรรค์ ใครจะเถียงก็คงว่าไม่ได้ แต่ในสังคมและความเป็นจริงมันเป็นเช่นนั้นจริงๆ และถ้าหากเอาความเสมอภาคมาเป็นที่ตั้ง ชีวิตคู่จะไม่มีทางราบรื่นไปได้อย่างแน่นอน สุดท้ายก็อาจทำให้เกิดการกระทบกระทั่งกันขึ้นเป็นประจำ จนกลายเป็นความเบื่อหน่ายตามมา ส่วนชีวิตความเป็นอยู่หลังกลับจากที่ทำงาน ภาระต่างๆมักถูกผลักไปให้ฝ่ายหญิงซะเป็นส่วนใหญ่โดยอัตโนมัติ อาทิการดูแลบ้านหรือห้องคอนโด การทำกับข้าว เก็บกวาด ทำความสะอาดต่างๆ แต่คุณภรรยาทั้งหลายก็จำเป็นต้องพยายามเข้าใจและอดทน โดยการพูดคุยกับคุณสามีให้มีส่วนร่วมในการช่วยกันดูแลบ้านหรือห้องบ้าง แต่ก็ต้องไม่ใช่การผลักภาระไปให้เค้าเช่นกัน แล้วงานบ้านหลังจากเลิกงาน ก็จะไม่ใช่งานที่หนักเกินกำลังของคุณ. 2. การแสดงออกเมื่ออยู่ด้วยกัน ชีวิตคู่ที่มีทุกข์น้อยแต่มีความสุขมาก การแสดงออกถึงความรักที่มีต่อคู่ของตน ทั้งต่อหน้าและลับหลัง เช่นการพูดด้วยถ้อยคำที่อ่อนหวาน คำชม การฟังอย่างตั้งใจ การกอดหรือจูบอย่างจริงใจ การใช้สายตาที่อ่อนโยน เหล่านี้คือส่วนสำคัญในการเติมความรักให้ยืนยาวได้เป็นอย่างดี ใครจะมาอ้างว่า ก็เราเป็นแบบนี้ ไม่โรแมนติก พูดก็ไม่เก่ง แสดงไม่เป็น อันนี้ต้องขอบอกว่าไม่จริง เพราะถ้าหากทั้งคู่รักกัน ถึงขนาดว่าตกลงใจแต่งงานหรืออยู่กันในแบบสามีภรรยาแล้วล่ะก็ ความรักที่มีต่อกัน จะแสดงออกมาไม่ทางใดก็ทางหนึ่งอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นคำพูด สีหน้าหรือการกระทำ นอกเสียจาก ไม่ได้รักกันซักเท่าไหร่ หากเรายังยึดถือตัวตน ตำแหน่งหน้าที่การงาน ฐานะหรือยศศักดิ์ต่างๆ แล้วพยายามปกปิดการแสดงออกถึงความรักกับคู่ของตน นานวันเข้าก็จะกลายเป็นความเข้าใจผิด เอ๊ะ!หรือจะเข้าใจถูก และกลายเป็นส่วนที่ทำให้เกิดความเบื่อหน่าย และอาจพาชีวิตคู่ของคุณไปถึงคำว่า การทนอยู่และ/หรือแยกทางกันไปในที่สุด อย่าลืมว่าการแสดงออกเป็นสิ่งที่คู่ของตนมองเห็นได้อย่างชัดเจนที่สุด ฉะนั้นหากรักกันจริง ก็อย่าไปสงวนท่าทีหรือเขินอายใดๆ เพราะที่อยู่ตรงหน้าก็คือคนที่คุณนอนอยู่ด้วยทุกคืนนั่นแหละ. 3. การใช้ชีวิตส่วนตัวที่เกินพอดี แน่นอนว่าใครๆก็ต้องการมีชีวิตส่วนตัว เวลาส่วนตัว หรืออะไรๆที่เป็นส่วนตัว แต่เมื่อคุณตกลงใจใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างถาวรแล้ว คำว่าส่วนตัวก็หมดไปในทันที ซึ่งเรื่องนี้เองเป็นส่วนสำคัญที่สร้างปัญหาครอบครัว โดยเฉพาะการมีโลกส่วนตัวบน โซเชียลเน็ตเวิร์ค ซึ่งเมื่อใดที่ไม่ยอมรับโลกส่วนตัวของกันและกัน เมื่อนั้นปัญหาก็พร้อมจะเกิดขึ้น ความหวาดระแวง และเวลาของครอบครัวที่ถูกโซเชียลเน็ตเวิร์คขโมยไป กลายเป็นปัญหาที่แก้ได้ยาก กระทั่งทุกวันนี้ก็ยังหาวิธีแก้ปัญหาไม่ได้ โดยเฉพาะการหลงอยู่ในโซเชียลกันทั้งสองคน นานวันก็จะมองไม่เห็นค่าของชีวิตคู่ เพราะเราไม่ค่อยได้มองหน้ากัน ไม่ค่อยได้คุยกัน จะเรียกทานข้าวก็ยังใช้ไลน์เลย และเมื่อวันที่เราหลงลึกเข้าไปในเน็ตเวิร์คมากขึ้น ความหายนะของชีวิตคู่ก็อาจมาถึง ในรูปแบบต่างๆ เช่น แชทลับ นัดเจอ เผลอใจ สุดท้ายก็อดใจไว้ไม่อยู่ (อ่านเพิ่ม..) เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้กับทั้งคู่ไม่แยกชายหญิง ฉะนั้นคุณควรบริหารพื้นที่ส่วนตัวกันให้ดี โดยการพยายามแบ่งพื้นที่ส่วนนี้ออกมาให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ พยายามสร้างกิจกรรมในครอบครัว เช่นการทำอาหาร การทานอาหารนอกบ้าน ไปท่องเที่ยว การนั่งดูทีวีร่วมกัน จะเป็นหนังหรือซีรีส์เกาหลีก็ว่ากันไป เหล่านี้จะเป็นตัวลดทอนเวลาที่เราแอบแบ่งไปให้กับเฟสบุ๊ค ไลน์ ยูทูปและอื่นๆ โดยเฉพาะช่วงเวลาสำคัญที่เราทั้งคู่ต้องให้เวลาแก่กัน นั่นคือในเวลาก่อนที่จะหลับตานอน และเมื่อลืมตาขึ้นในเช้าของวันใหม่ สายตาและการพูดคุยทักทายกับภรรยาหรือสามีของคุณต้องมาเป็นสิ่งแรกก่อนที่จะหยิบโทรศัพท์,แท็บเล็ตหรือไอแพดเท่านั้นจริงๆ นี่คือสิ่งที่สำคัญมากๆในการประคับประคองและเติมความรักให้แก่กัน ที่กล่าวมาทั้งหมดข้างต้น เป็นมุมมองเพียงบางส่วนที่คุณอาจมองข้ามไปอย่างไม่ตั้งใจ หรืออาจไม่ใส่ใจกับความรู้สึกของอีกฝ่าย ลองหันกลับมามองคู่ชีวิตของตนรวมถึงตัวคุณเองอย่างใส่ใจ และคิดถึงช่วงเวลาแรกๆที่เพิ่งรู้จักกัน ไปเที่ยว ดูหนังด้วยกัน จนได้มาอยู่ร่วมกันจริงๆในแบบของสามีภรรยา พวกคุณผ่านอะไรมาบ้าง ให้ความรักความห่วงใยกันมากขนาดไหน แต่ทำไมวันนี้เราทั้งสองคนถึงเปลี่ยนไป แน่นอนว่ามันคือความเป็นจริงที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน เพราะไม่มีสิ่งใดคงทนถาวรโดยเฉพาะความรักที่นับวันมันจะค่อยๆลดลงอยู่ตลอดเวลา แต่หากคุณรักใครซักคน ก็ต้องพยายามคิดหาวิธีเติมความรักนั้นอยู่ตลอดเวลาที่อยู่ร่วมกันวันละเล็กละน้อย เพื่อชีวิตคู่ที่ยืนยาวอย่างมีความสุขและมีทุกข์น้อยตลอดรอดฝั่ง การแต่งงานหรือการอยู่ร่วมกัน คุณเองเป็นคนเลือก ฉะนั้นควรคิดให้ดีก่อนแต่ง อย่าเห็นการแต่งงานเป็นเพียงการทดลอง หรือความต้องการเอาชนะใคร เพราะคุณไม่เพียงแต่จะเสียตัว แต่ยังต้องมีคำนำหน้าว่า นาง ติดตัวไปตลอด ผิดกับฝ่ายชายที่สามารถสบายตัวเหมือนหนุ่มโสดได้อีกครั้งไปเรื่อยๆ .