
-
ชีวิตคู่กับเซ็กส์ หากคุณคิดว่ามันเป็นคนละเรื่อง นั่นคือต้นทางของคำว่า “นอกใจ”
-
จากนั้น ความสัมพันธ์แบบไม่ผูกขาด หรือ Open Relationship ก็จะตามมา จะยอมรับมันอย่างไร พร้อมหรือยังที่จะปล่อยให้มันเกิดขึ้นกับคุณ
-
แล้วตกลง คุณจะให้อภัย หรือว่าตัดใจเลิกกันไปเลยดีกว่า
เมื่อบนรถของคุณมีกลิ่นน้ำหอมที่ไม่ใช่ของภรรยา และคุณเองก็ไม่เคยใช้มัน อาจมีผ้าผูกผม หรือลิปสติกแท่งเล็กในช่องเก็บของข้างประตู คุณอาจแกล้งทำเป็นเฉไฉไม่รู้ไม่เห็น หรือโบ้ยไปที่เพื่อนร่วมงาน ประมาณว่าปากแข็งแบบไม่ยอมจนมุมง่ายๆ
แต่ถ้าของเหล่านั้นไปตกอยู่ในห้องน้ำ หรือห้องนอนอันแสนอบอุ่น โดยที่บ้านหรือคอนโดของคุณนั้นแทบไม่เคยได้ต้อนรับเพื่อนหรือแขกแปลกหน้าเลย คุณ! อาจหนีไม่ออกอีกต่อไป และจำเป็นต้องสารภาพความจริงจนหมดเปลือก แล้วตบท้ายด้วยคำคมประจำละครภาคค่ำว่า “ก็แค่เล่นๆ ไม่ได้จริงจังอะไร”
แต่เหตุการณ์กลับพลิกผันและเซอร์ไพรส์แบบสุดๆ นั่นคือ แฟนของคุณตัดสินใจสวมบทนางเอกในตำนาน เธอบอกว่า ในเมื่อคุณยอมรับความจริงออกมาตรงๆ เธอเองก็จะยอมให้อภัย และให้โอกาสคุณอีกครั้ง กับสองทางเลือกที่สุดแสนจะบรรเจิด นั่นคือ..
-
เลิกกับเค้าคนนั้นซะ แล้วเราก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม ชั้นให้อภัยคุณได้เสมอ
-
หากคุณสามารถแบ่งแยกระหว่างความรักของเรา กับเรื่องเซ็กส์นอกบ้านของคุณได้อย่างเด็ดขาด ชั้นก็จะไม่คิดว่านี่คือการนอกใจ แต่มันเป็นแค่เรื่องส่วนตัวของคุณ ตราบใดที่คุณยังรักและทำดีกับชั้นอย่างสม่ำเสมอเหมือนเดิม
แล้วข้อที่สามหายไปไหน? ข้อที่ใครหลายๆคนกำลังนึกอยู่ ว่ามันควรเป็นเพียงทางเลือกเดียวที่จะเกิดขึ้นหลังจากจับได้ว่าเขานอกใจ นั่นคือ “เลิกสถานเดียว” แต่ทำไมถึงตกมาอยู่ข้อสุดท้ายล่ะ
ข้อที่หนึ่งกับสองนั้นมันก็คือการให้อภัยนั่นแหละ ซึ่งในปัจจุบันหลายๆคู่กลับมีความคิดที่ว่า หากเป็นแค่เพียงการเผลอไผลชั่วครั้งชั่วคราว ไม่ได้จริงจังอะไร (อย่างกับในละคร) แล้วคุณเองก็ยอมรับได้ เพราะเค้าก็ยังรักและดูแลเอาใจใส่คุณอย่างดีเสมอมา เราก็ควรก้าวข้ามมันไปให้ได้ โดยการกำหนดขอบเขตความสนุกนอกบ้านที่ชัดเจน โดยที่ต้องไม่กระทบและเป็นอันตรายกับครอบครัว แต่ก็ต้องยอมรับว่าความรู้สึกมันคงไม่เหมือนเดิมแน่ๆ
และการตกลงอยู่กันต่อไปหลังจากให้อภัยและเปิดโอกาสให้กันอีกครั้งในแบบที่สองนั้น หลายคนอาจเคยได้ยินคำว่า Open Relationship หรือความสัมพันธ์แบบเปิด ที่อาจเรียกว่าการไม่ผูกขาด หรือก็คือการยินยอมและเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายหรือตนเองไปมีความสัมพันธ์กับคนอื่นได้ โดยที่ไม่ใช้คำว่านอกใจ ซึ่งความสัมพันธ์แบบที่ว่านี้ อาจเกิดขึ้นมาจากหลากหลายสาเหตุ อาทิเช่น
-
ชอบอะไรใหม่ๆแต่ก็ทิ้งคนเก่าไปไม่ได้
-
คู่ของตนตอบสนองความต้องการทางเพศไม่ได้อย่างที่ต้องการ
-
มีความคิดที่ว่า มันคือประสบการณ์ใหม่ๆที่สามารถแสวงหาได้
-
ต้องการความท้าทายกับชีวิต เช่นความต้องการที่จะถูกหึงหวง เป็นต้น
และอีกมากมายที่จะสรรหาเหตุผลมาอ้างอิงกัน เพื่อตอบสนองความต้องการของตนเองทั้งสิ้น
จากที่กล่าวมาแล้วทั้งหมดข้างต้น โดยสรุปก็คือ ต้องการแสดงให้เห็นถึงความจริงของคู่รัก ที่เคยรักและอยู่ร่วมกันมาก่อน จนกระทั่งวันนึง “รู้สึกว่าเบื่อนั่นเอง” ก็เลยนำเอาคำพูดสวยๆหรือการนำเสนอความคิดในแบบของความเห็นแก่ตัว มาเป็นข้ออ้างที่จะนอกใจกันอย่างถูกต้อง ซึ่งแท้ที่จริงแล้ว มันไม่มีความถูกต้องใดๆและไม่มีเหตุผลสนับสนุนข้อไหน ที่จะนำเอามาหักล้างความไม่รู้จักพอของคุณได้ ถึงแม้จะยืดอกยอมรับการกระทำอันเลวร้ายแต่โดยดี เพื่อหวังการให้อภัยก็ตาม
ทั้งหมดจึงนำพาให้เรามาถึงทางเลือกที่สามที่คู่ควรนั่นคือ “เลิกกันไปเลยดีกว่า” และจะต้องไม่ให้โอกาสกับการถูกนอกใจ ถึงแม้คุณจะให้อภัยก็ตาม
*ข้อคิดเตือนใจ
-
การนอกใจในทุกกรณี คือการไม่รู้จักพอนั่นเอง
-
การเริ่มต้นอีกครั้งกับใครซักคนหลังจากถูก นอกใจ ไม่ใช่ความผิด
-
ผู้ชายไม่ได้มีแค่คนเดียวในโลก ผู้หญิงก็เช่นกัน
-
การถูกนอกใจ แสดงว่าเคยมีคนชอบเรา ฉะนั้นอย่าไปกังวลว่าจะไม่มีใครเอา
-
การมีคนรัก, การมีแฟนหรือการแต่งงาน เราก็ผ่านมาแล้ว กระทั่งนอกใจก็โดนมาแล้ว ฉะนั้นหากจะกลับมาอยู่คนเดียว(อาจจะซักพัก) ก็ไม่เห็นจะต้องแคร์อะไร
-
คำว่า ”พ่อของลูก” อาจมีความหมายเพียงเพราะความคิดเห็นและความกดดันทางสังคมเท่านั้น คุณแม่เลี้ยงเดี่ยวที่มีความสุขและประสบความสำเร็จก็มีให้เห็นมากมาย
-
คำว่า ”แม่ของลูก” ก็เช่นกัน มันจะไม่มีความหมายใดๆเลย หากคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยว สามารถสลัดความอาย และทุ่มเทความรักให้กับลูกได้อย่างเต็มความสามารถ